
ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฏาคมที่ผ่านมา Google ได้มีการปล่อย Core Update ครั้งใหญ่ออกมาซึ่งการปล่อยอัปเดตครั้งนี้ทำให้หลายๆ เว็ปไซต์มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของอันดับผลการค้นหาเป็นอย่างมาก โดยการอัปเดตครั้งนี้คือการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่สองตัวได้แก่ Muvera และ GFM ซึ่งจะมีรายละเอียดอะไรบ้าง และที่สำคัญการมาของเทคโนโลยีใหม่สองตัวนี้จะส่งผลกระทบต่อ SEO อย่างไรบ้างไปหาคำตอบกัน
MUVERA คืออะไร?
Muvera ย่อมาจาก “Multi-Vector Retrieval Architecture” เป็นระบบใหม่ล่าสุดที่พัฒนาโดย Google เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาของการค้นหาข้อมูลแบบเดิม ให้มีความถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็วมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถได้คำตอบในสิ่งที่ต้องการได้ตรงมากขึ้น การทำงานของ Muvera ที่น่าสนใจมีดังต่อไปนี้
- แยกคำค้นหา (Query) และเนื้อหา (Content) แบ่งออกเป็นหลายมิติ (Multi-Vector)
- แปลงข้อมูล Fixed Dimensional Encodings (FDEs) เพื่อการจัดเก็บที่หลากหลาย
- ใช้การค้นหาแบบ Single-vector search (MIPS) ที่รวดเร็ว
- ใช้วิธีการจัดอันดับใหม่ด้วย Chamfer similarity เพื่อเลือกผลลัพธ์ที่แม่นยำ และถูกต้องมากที่สุดไปแสดง
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ Google จะดึงหน้าเว็ปไซต์เพื่อนำมาวิเคราะห์ลดลงประมาณ 5-20 เท่า เป็นการลดภาระในการคัดกรองหน้าเว็ปไซต์ที่มีอยู่ค่อนข้างมาก แต่ยังคงคุณภาพในการคัดกรองเหมือนเดิม (อ้างอิงจาก leadtap.ai) ตัวของ Google เองสามารถเข้าใจคำที่มีความซับซ้อน หรือคำที่มีการตีความหมายที่หลากหลายได้ดีขึ้น
GFM คืออะไร?
GFM ย่อมาจาก “Graph Foundation Model” เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการประมวลผลในรูปแบบเชิงกราฟยกตัวอย่างเช่น ความเชื่อมโยงโครงสร้างระหว่างเว็ปไซต์ , โครางสร้างของลิงก์ , ความสัมพันธ์กันระหว่างผู้เขียนกับแหล่งอ้างอิง
โดย GFM มีความสามารถที่น่าสนใจดังนี้
- การประมวลผลของกราฟ (graph) ที่ไม่เคยเจอมาก่อนได้ (zero-shot / few-shot)
- GFM มีความเข้าใจ ความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์ในข้อมูลได้แม่นยำกว่าเดิม
- GFM สามารถตรวจจับสแปมโฆษณาที่ไม่พึงประสงค์ได้ โดย Google รายงานว่ามีการตรวจจับเพิ่มขึ้นจากเดิม 3-40 เท่า (อ้างอิงจาก brave.agency)

ผลกระทบต่อ SEO ?
การมาของเทคโนโลยี Muvera กับ GFM จะมีผลกระทบกับการทำ SEO ในปัจจุบันอย่างไรบ้าง เราแบ่งออกเป็นหัวข้อสำคัญดังต่อไปนี้
ผลกระทบของ Muvera
- หาก Muvera มองว่า Content ไม่มีคุณภาพ ก็จะไม่ถูกดึงเข้าไปในระบบ ทำให้ไม่มีการจัดอันดับเกิดขึ้น
- เทคนิคการใส่คีย์เวิร์ดเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการจัดอันดับ
- Google จะพยายามมองหา Content ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ Intent ของผู้ค้นหาและนำไปจัดอันดับได้ดียิ่งขึ้น
ผลกระทบของ GFM
- เว็ปไซต์ที่มีการทำ E-E-A-T ที่ดีจะได้รับโอกาสในการติดอันดับมากกว่าเว็ปไซต์ที่ไม่ได้ทำ E-E-A-T ที่ดีพอ
- การใช้ Structure data (Schema) จะช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็ปไซต์ได้ดียิ่งขึ้น
- ความสัมพันธ์ของแหล่งอ้างอิง , Links , Author จะมีผลต่อการจัดอันดับมากขึ้น (อ้างอิงจาก bluecompass.com)
แนวทางการทำ SEO กับ MUVERA & GFM
มาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายๆ คนที่ทำ SEO คงอยากรู้ว่าเราจะสามารถปรับตัวรับมือกับการมาของ Muvera และ GFM ได้อย่างไรกันบ้าง เรามีข้อสรุปแนวทางที่น่าสนใจมาฝากกันดังนี้
- เขียนเนื้อหาเชิงลึก
– ตอบโจทย์ผู้ใช้หลายๆ มิติ
– เนื้อหาต้องครอบคลุมคำถามหลัก และคำถามรองให้ได้มากที่สุด - จัดโครงสร้างเนื้อหา
– แบ่งแยกบทความออกเป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน
– จัดระเบียบบทความ เพื่อให้ Google เข้าใจได้ง่ายขึ้น - เพิ่ม Schema Markup
– เพิ่มการใช้ Schema Markup เช่น (Article , FAQ , Autor) เพื่อให้ Google เข้าใจ Categories ได้ง่ายขึ้น
– GFM จะสามารถเข้าใจความเชื่อมโยงของเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น - Trust Signal
– ควรมีแหล่งอ้างอิงที่มีความน่าเขื่อถือได้ จะช่วยให้ Google มองว่าเนื้อหาของเรามีคุณภาพมากขึ้น
– ควรใส่ Profile ของผู้เขียน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
– เพิ่ม Social Signal
ส่งท้าย
การอัปเดต Core Update 2025 Muvera & GFM ถือได้ว่าเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่และส่งผลกระทบกับ SEO เพราะ Google กำลังเปลี่ยนจากการเพียงแค่ “ดูคีย์เวิร์ด” มาเป็นการเรียนรู้และเข้าใจถึง Intent ของผู้ค้นหารวมถึงความน่าเชื่อถือของเนื้อหา ที่ถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว เพื่อเป็นการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น