armGK, Author at Geekcon Valley

SEO Vs SEM ต่างกันอย่างไร เลือกใช้แบบไหนดี

นักการตลาดดิจิทัลมือใหม่อาจจะยังมีความสงสัยว่า SEO กับ SEM มันแตกต่างกันอย่างไร แล้วเราต้องเลือกใช้แบบไหนถึงจะดีกับเรามากที่สุด วันนี้ Geekcon Valley จะมาอธิบายให้เพื่อนๆ ได้หายสงสัยกันค่ะ

SEO เป็นการปรับปรุงเว็ปไซต์ของเราให้มีติดผลการค้นหาในหน้าแรกๆ ของ Search engine อย่าง Google โดยที่เราสามารถทำได้เลยตั้งแต่เริ่มสร้างเว็ปไซต์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายที่แพงมาก แต่ก็ต้องแลกกับระยะเวลาที่นานกว่าจะเริ่มเห็นผลถ้า เราทำได้อย่างถูกต้อง โดยทั่วไปแล้วระยะเวลาในการทำ SEO ที่เห็นผลลัพธ์ได้จะใช้เวลาราวๆ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยอย่างเช่น Keywords คุณภาของเนื้อหา และเว็ปไซต์ Backlinks และคู่แข่งเป็นต้นฯ

แต่หากเราทำ SEO ด้วยความถูกต้อง และเข้าใจอย่างสูงก็จะส่งผลดีในระยะยาวได้ อย่างเช่น อันดับบน Google ที่อยู่ในหน้าแรก ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ รายได้ที่เพิ่มขึ้นโดยมาจาก Organic Traffic นั่นเองค่ะ

SEM คือการทำการตลาดออนไลน์ด้วยการทำโฆษณา หรือที่เรารู้จักกันว่า “Google Ads” ค่ะ โดยการทำ SEM จะเป็นการจ่างเงินเพื่อซื้อพื้นที่ในการแสดงเว็ปไซต์บริการ หรือสินค้าที่เราวางขาย ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยอย่างเช่น คู่แข่งที่มีการแข่งขันสูงในธุรกิจนี้ หรือ Keyword ที่มีมูลค่าสูง ในรูปแบบ Cost per click (CPC) หรือ Pay per click (PPC)

ข้อดีของการทำ SEM จะสามารถวัดผลได้แม่นยำกว่าการทำ SEO และไม่ต้องใช้ระยะเวลานาน (แคมเปญโฆษณาสามารถทำงานได้ทันทีหลังจากเปิดใช้งาน) เหมาะกับสินค้าที่เร่งโปรโมทไวๆ หรือต้องการสร้างการรับรู้ของแบรนด์อย่างรวดเร็ว แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องแลกมากับ Budget ที่ต้องใช้ค่อนข้างสูงกว่า SEO เอามากๆ

มาถึงตรงนี้ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มทำอะไรก่อนดี Geekcon จะบอกว่าสามารถทำควบคู่กันไปได้เลยค่ะ เพียงแค่ว่าถ้าเป็นในระยะแรกที่ยังอยู่ในขั้นตอนการสร้างเว็ปไซต์อยู่นั้น อาจจะยังไม่ต้องทำ SEM ก่อนค่ะ เพราะอย่างที่ได้อธิบายไปในตอนต้นแล้วว่า SEM คือการทำโฆษณาออนไลน์ ถ้าเรายังไม่มีหน้าเว็ปไซต์ หรือหน้าสินค้ามารองรับก็ไม่ควรยิงแอดในทันที เพราะ Google จะมองว่าเว็ปไซต์เรายังไม่ได้คุณภาพนั่นเอง

แต่หากเว็ปไซต์ทำมาสักระยะนึงแล้ว ก็ควรเสริมด้วยการทำทั้ง SEO+SEM ก็จะเป็นการช่วยส่งเสริมกันไปทั้งในมุมของการทำอับดับให้สูงขึ้น และยังสามารถสร้าง Conversion rate และเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าเราได้อีกด้วยค่ะ

สุดท้ายแล้วเครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์ทั้ง SEO และ SEM ก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแค่ว่าเราควรเลือกใช้เครื่องมืออย่างไรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนั้นค่ะ แต่! สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี กลัวทำไม่ถูก กลัวเสียเวลา เสียรายได้โดยที่ไม่สามรถวัดผลอะไรกลับมาได้ ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะที่ Geekcon Valley เราบริการทำ SEO และ SEM ครบวงจร รวมถึงการวางแผนการวิเคราะห์ เจาะลึกกลยุทธ์ที่เหนือกว่าคู่แข่งด้วยเครื่องมือโซลูชันเฉพาะจาก Pi Datametrics สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ

6 สิ่งสำคัญกับการทำ SEO บนโลกออนไลน์?

หากพูดถึงการทำกลยุทธ์การตลาดในโลกออนไลน์ นอกเหนือจากการใช้สื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ อย่างเช่น Facebook , Youtube , Tiktok แล้วนั้น ยังมีกลยุทธ์อีกอย่างที่ควรให้ความสำคัญเพื่อทำให้ธุรกิจหรือองกรณ์ของเราขับเคลื่อนไปข้างหน้า และเป็นอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมนั้นๆ นั่นก็คือการทำ “SEO” แต่เพื่อนๆ รู้ถึงความสำคัญของการทำ SEO หรือไม่ โดยในวันนี้ Geekcon Valley จะมาบอกถึง 6 จุดสำคัญสำหรับการทำ SEO บนโลกออนไลน์ให้สามารภเข้าใจได้ง่ายๆ กันค่ะ

จะดีกว่าไหมหากเราสามารถทำเว็ปไซต์ให้มีคนเข้าชมได้ในปริมาณมากๆ แถมยังกลายมาเป็นลูกค้าเราอีกด้วย การทำ SEO เป็นคำตอบที่ดีที่สุดในระยะยาวค่ะ นั่นก็เพราะว่า SEO นั้นจะช่วยให้เว็ปไซต์ของเพื่อนๆ ติดอันดับในหน้าค้นหา (Search Engine) โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเสียเงินค่าโฆษณาเลย แล้วเมื่อเราติดอันดับที่สูงๆ ก็ยิ่งมีโอกาสเพิ่มคนเข้าเว็ปได้มากขึ้นด้วย เราเรียกสิ่งนี้ว่า “Organic Traffic” นั่นเอง

การทำ SEO ให้ติดหน้าแรกของ Google จะยิ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และเพิ่มความไว้วางใจให้คนค้นหา หรือลูกค้าของเราในอนาคตได้ เพราะมีคำนิยามไว่ว่า “เว็ปไซต์ที่ติดผลการค้นหาในหน้าแรก หรืออันดับต้นๆ เปรียบได้ดั่งเป็นเจ้าตลาดของอุตสาหกรรมนั้นๆ” ซึ่งจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์เราโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติมว่ากว่า 75% ของผู้ค้นหานั้นไม่เคยคลิกไปยังหน้าที่ 2 ของ Google เลย เพราะฉะนั้นการทำอันดับด้วย SEO เพื่อให้อยู่หน้าแรกจึงมีความสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว

SEO นอกเหนือจากการทำอันดับหรือเพิ่ม Traffic แล้วนั้น SEO ยังช่วยจับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน โดยการที่ผู้ใช้งานนั้นกำลังค้นหาอะไรอยู่ ซึ่งเราเองสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับใช้ในกลยุทธ์ของเราได้ อย่างเช่นการเปรียบเทียบข้อมูลสินค้า ราคา การค้นหาสถานที่หรือหน้าร้าน การค้นหาเพื่อตอบข้อสงสัย เป็นต้นฯ ซึ่งมีข้อมูลว่ากว่า 53% บอกว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคจะทำการค้นหาข้อมูลผ่านมือถือก่อนตัดสินใจซื้อ

ฟังหัวข้อแล้วอาจจะดูไม่น่าเชื่อถือ แต่มันมีโอกาสเป็นไปได้ค่ะ เหมือนคำกล่าวที่ว่า “เงินมันลอยอยู่ในอากาศ คุณจะสามารถคว้ามันมาได้หรือเปล่า” การตลาดของ SEO เองก็เช่นกัน ไม่ได้มีข้อจำกัดหรือผูกมัดตายตัว เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก SME หรือระดับองกรณ์ ก็สามารถวางกลยุทธ์ด้วย SEO ได้เหมือนกัน

แน่นอนว่าถ้าเพียงแค่ทำ SEO ให้ติดหน้าแรกของ Google และมี Organic Traffic เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่ใช่ เพราะการทำ SEO ที่ดีและมีมีคุณภาพนั้นยังจะช่วยเพิ่มยอดขาย และเพิ่ม Conversion ได้ดีขึ้นด้วย ด้วยการใช้ Keyword ที่ถูกต้องเหมาะสม ก็มีโอกาศเปลี่ยนจากผู้เข้าชมเว็ปไซต์ > ลูกค้า ได้นั่นเองค่ะ โดยมีข้อมูลว่า Conversion Rate ที่มาจาก SEO เฉลี่ยอู่ที่ 14.6% ซึ่งสูงกว่าการตลาดแบบ Outbound อยู่ที่ 1.7%

การทำ SEO ไม่เพียงแต่จะช่วยในเรื่องของการค้นหา แต่ยังช่วยปรับโครงสร้าง UX/UI , Page Speed , Security ของเว็ปไซต์ให้มีความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ซึ่งส่งผลต่อภาพรวมของเว็ปไซต์ และ Google ด้วย โดยทาง Google เองก็ได้มีการเน้นย้ำว่า SEO คือการทำให้ ผู้เข้าชมและเครื่องมือค้นหา ได้รับประสบการณ์ที่ดีบนเว็ปไซต์ค่ะ

และนี่ก็คือ 6 เรื่องสำคัญว่าทำไมการทำ SEO จึงมีความสำคัญอย่างมากในการทำการตลาดบนโลกออนไลน์ ซึ่งเพื่อนๆที่เป็นเจ้าของธุรกิจ และมีเว็ปไซต์กันอยู่แล้วสามารถนำเรื่องเหล่านี้ไปปรับพัฒนากันเอาเองตามความเหมาะสมได้ค่ะ แต่! สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี กลัวทำไม่ถูก กลัวเสียเวลา เสียรายได้ ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะที่ Geekcon Valley เราบริการทำ SEO ครบวงจร รวมถึงการวางแผนการวิเคราะห์ เจาะลึกกลยุทธ์ที่เหนือกว่าคู่แข่งด้วยเครื่องมือโซลูชันเฉพาะจาก Pi Datametrics สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ

SEO คืออะไร? มือใหม่เข้าใจง่ายๆ เริ่มที่นี่

SEO คืออะไร - Geekcon1

กลยุทธ์ที่มีความสำคัญอย่างมากในการทำการตลาดออนไลน์ในยุคปัจจุบันก็คือการทำ “SEO” ที่มีการแข่งขันที่สูงและมีความยากเป็นอย่างมาก หากเริ่มต้นแบบผิดวิธีก็อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นได้ แล้วเราควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี? ในวันนี้ Geekcon Valley จะมาแชร์แนวทางปูพื้นฐานในการเริ่มต้นทำ SEO อย่างง่ายๆ ฉบับมือใหม่กันค่ะ

เรามาเริ่มต้นด้วยคำถามเบสิกเลยว่า “SEO คืออะไร” SEO เป็นคำย่อมาจากคำว่า “Search Engine Optimization” เป็นกระบวนการที่ช่วยให้เว็บไซต์ของเราปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา (เราเรียกกันว่า SERPs : Search Enging Result Pages) อย่างเช่น Google, Bing หรือ Yahoo โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาใดๆ เลย

การทำ SEO ที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสการมองเห็น (Impression) และเพิ่มปริมาณการเข้าถึง (Clicks) จากการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณจากผู้ใช้ที่ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือบริการที่คุณนำเสนอนั่นเอง ยิ่งเราทำอันดับ (Ranking) ได้ดีมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่กล่าวมาได้มากขึ้นค่ะ

ในการทำ SEO มีองค์ประกอบอยู่หลากหลายส่วนด้วยกัน ซึ่งก็จะมีความยากง่ายต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวิธีการของผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO แต่สำหรับมือใหม่แล้ว Geekcon จะขอแนะนำองค์ประกอบเบื้องต้นที่ควรรู้จักดังต่อไปนี้

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของการทำ SEO เลยทีเดียวนั่นก็คือ On-page ซึ่งเป็นวิธีการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ หรือ Contents ภายในเว็บไซต์ของเราเองให้ดูน่าสนใจ และตอบโจทย์กับผู้ค้นหาอย่างชัดเจนถูกต้อง อย่างเช่น

  1. การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในเนื้อหา : เช่น เราจะเขียนบทความเรื่อง SEO ก็ควรที่จะต้องมี คีย์เวิร์ดคำว่า SEO และคีย์เวิร์ดอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยเป็นต้นฯ
  2. ใช้ Title และ Meta Description ที่น่าสนใจ : Title เปรียบเสมือนหน้าร้าน หรือหน้าสินค้าของเรา ถ้าไม่น่าดึงดูดหรือมีความน่าสนใจก็ยากที่จะมีคนเข้าชมหรือเลือกซื้อ ในส่วนของ Description ก็คือคำอธิบายสรรพคุณอย่างสั้น กระชับเพื่อให้คนค้นหาสนใจและเข้าชมเว็บไซต์หรือสินค้าของเราค่ะ เพราะฉะนั้นต้องเขียนทั้งสองอย่างให้ดีที่สุดเพื่อที่จะได้เพิ่มความน่าสนใจนั่นเอง
  3. ใช้หัวข้อ (Heading Tags) อย่างถูกต้อง : ในเนื้อหาเราควรกำหนด และแบ่งหัวข้อออกอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถอ่าน เข้าใจได้ง่าย โดยหัวข้อที่นิยมใช้จะเริ่มต้นด้วย H1 เสมอ ตามด้วย H2 , H3 สำหรับหัวข้อรองลงมาตามลำดับความสำคัญ
  4. การเพิ่มคำอธิบายภาพ (Alt Text) : การทำ SEO ที่ดี เราควรมีรูปภาพประกอบเนื้อหาด้วย และไม่ควรลืมที่จะใส่คำอธิบายไว้ในรูปภาพด้วยทุกครั้งก็คือ (Alt Text : Alternative Text) เพื่อที่จะทำให้ Robot ของ Search Engine เข้าใจว่ารูปภาพนี้คืออะไร เพราะหากเราไม่ได้ใส่ไว้เขาก็จะไม่รู้นั่นเอง (มีผลเกี่ยวข้องกับการติดอันดับของ SERP Feture ด้วยนะ)
  5. สร้างลิงก์ภายใน (Internal Links) : เป็นการสร้างลิงก์เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาภายในเว็บไซต์ ในกรณีที่เรามีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อให้คนที่เข้าชมเว็บไซต์สามารถไปยังเรื่องต่อไปได้ง่าย

เรื่องต่อมาเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน และต้องวางแผนการทำให้ดีมากๆ เพราะมันเกี่ยวกับเว็บไซต์อื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ของเรา การทำ Off-page คือการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ของเรามากขึ้น ช่วยเพิ่มลูกค้า หรือคนเข้าชมเว็บไซต์ ช่วยในเรื่องของการจัดอันดับบน Google หลักๆ ประกอบด้วยดังนี้

  1. สร้างลิงก์ย้อนกลับ (Backlinks) จากเว็บไซต์อื่น : การสร้างลิงก์แบบนี้ให้อธิบายง่ายๆ ก็เหมือนกับเรากำลังประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักเรานั่นเองค่ะ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น Webboard , Guestpost หรือPBN (Private Blog Network แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มต้นทำ SEO ด้วยตนเอง ตรงนี้ขอไม่แนะนำให้ลองเองก่อนนะ เพราะหากทำผิดพลาดขึ้นมาจะส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการมองเห็น อันดับที่ลดลง หรือร้ายแรงสุดก็คือโดนลงโทษจาก Google (Google Penalty)
  2. การโปรโมตผ่านโซเชียลมีเดีย : จะมีความคล้ายกับการทำ Backlinks เพียงแต่ว่าการทำบน Social media จะเป็นลักษณะการโปรโมตที่ปลอดภัย และมีคุณภาพเฉพาะทางมากกว่า แต่ก็ควรเลือกโซเชียลที่เกี่ยวข้องกับเราด้วยนะ อย่างเช่น Facebook , Tiktok เป็นต้นฯ
  3. การแลกลิงก์ (Link Exchange) : เป็นการแลกเปลี่ยนลิงก์ซึ่งกันและกัน ซึ่งข้อดีก็คือเราได้เว็บไซต์ที่มีคุณภาพเข้ามาหาเรา และอีกฝ่ายก็ได้ด้วยเช่นกัน เพื่อทำให้มีอันดับที่เพิ่มขึ้น

องค์ประกอบสุดท้ายที่อยากแนะนำก็คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ และรองรับ SEO มากที่สุด โดยหัวข้อนี้จะเกี่ยวข้องกับทาง Programer / Deverloper ที่สามารถแก้ไขปรับแต่งเว็บไซต์ได้นั่นเอง ซึ่งหลักๆ แล้วจะเกี่ยวข้องกับเรื่องต่อไปนี้

  1. ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ : ยิ่งเราสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีการใช้งานที่เร็วได้มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นผลดีต่อผู้ใช้ และ Google ด้วย
  2. ทำให้เว็บไซต์รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile-Friendly) : นอกจากความเร็วแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ Google เน้นให้ความสำคัญเลยก็คือ การรองรับอุปกรณ์มือถือ ซึ่งอิงจากพฤติกรรมการใช้งานที่เปลี่ยนไปของผู้คน หากเราออกแบบเว็บไซต์ที่ไม่ซัพพอร์ทเรื่องนี้ Google เองก็อาจจะลดความสำคัญของเว็บไซต์เราได้
  3. การใช้ SSL เพื่อความปลอดภัย (HTTPS : Hypertext Transfer Protocol Secure) : การใช้ Protocol นี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และช่วยทำให้ผู้ชมเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น โดยในปัจจุบันการออกแบบเว็บส่วนมากจะเป็นระบบนี้กันอยู่แล้ว
  4. สร้างแผนผังเว็บไซต์ (Sitemap.xml) และไฟล์ robots.txt : เรื่องนึงที่คนสร้างเว็บไซต์ควรทำก็คือการทำ Sitemap และ ไฟล์ robots เพื่อเป็นการบอกให้ Search Engine ทราบและเข้าถึงเนื้อหาได้ง่าย และไวขึ้น ส่งผลในเรื่องของการจัดทำดรรชนี (Indexing) ของเว็บไซต์
  5. ออกแบบโครงสร้างข้อมูล (Structured Data) และ UX/UI : เพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น รวมถึงการออกแบบ UX/UI ที่ดีเพื่อทำให้เว็บไซต์ใช้งานได้ง่าย

สรุปส่งท้าย การเริ่มต้นทำ SEO สำหรับมือใหม่อาจมองเป็นเรื่องที่ดูยุ่งยาก และการวัดผลที่ใช้เวลานาน แต่หากค่อยๆ เริ่มศึกษาและลงมือทำทีละนิด และทำอย่างถูกต้องใจเย็นๆ ก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีได้เช่นกันค่ะ

แต่! หากไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดี ที่ Geekcon Valley เรามีบริการทำ SEO ครบวงจร รวมถึงการวางแผนการวิเคราะห์ เจาะลึกกลยุทธ์ที่เหนือกว่าคู่แข่งด้วยเครื่องมือโซลูชันเฉพาะจาก Pi Datametrics สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ